ความท้าทายทางธุรกิจ
ความท้าทายที่ก่อความเสียหายในการขยายธุรกิจ
- ความเครียด
- แผนผังองค์กร
- การบ่มเพาะความเป็นผู้นำ
- การนำทาง
- การมีส่วนร่วม
- การทำงานร่วมกับพันธมิตร
ความเครียด แรงผลักดันหรือภาระการทำลายล้าง
ธุรกิจคือเรื่องของการเติบโต และการเติบโตมักจะนำมาซึ่งความตึงเครียด ในการวางแผนธุรกิจนั้น คุณจะรู้สึกราวกับว่าต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งหลังจากปิดงบประมาณแต่ละงวด บริบทและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจใหม่ทำให้ต้องปรับตัวเลขให้ดีขึ้นจากตัวเลขในช่วงก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางการเงิน เครื่องมือชี้วัดกลุ่มลูกค้า ตัวชี้วัดประสิทธิภาพพนักงาน หรือเหตุการณ์สำคัญใดๆ ที่เกิดขึ้นกับโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่
ในขณะที่ความคาดหวังต่อการเติบโตคือตัวขับเคลื่อนความก้าวหน้าขององค์กร ทีมงาน และธุรกิจโดยรวม ที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นมูลเหตุที่สร้างความกดดันในระบบการทำงานในระดับต่างๆ ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า ‘strain’ หรือ ‘ความเครียด’ นั่นเอง
องค์กรสามารถพัฒนาและเติบโตได้ด้วยการจัดการ ‘ความเครียด’ อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแปรสภาพให้กลายเป็นแรงผลักดันในการก้าวไปข้างหน้าได้ตามเป้าหมาย แทนที่จะมองว่า ‘ความเครียด’ นั้นเป็นตัวฉุดรั้งที่ไม่อาจควบคุมได้ซึ่งอาจทำให้งานเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้าหรือหยุดชะงักจนส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ สิ่งสำคัญคือการทำให้พนักงานมีความเข้าใจเป้าหมายขององค์กร การใช้เครื่องมือที่สามารถแสดงระดับ ‘ความเครียด’ ที่มากเกินจะรับไหว และการมีช่องทางการสื่อสารระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง
การปรับทีมหรือกระทั่งการปรับเป้าหมายที่มีเวลาเป็นตัวกำหนดสามารถทำได้หากมีความจำเป็น เมื่อพบว่าความเครียดกลายเป็นสาเหตุที่มีผลกระทบต่อความสำเร็จขององค์กร
แผนผังองค์กร เข็มทิศนำทางสู่ความสำเร็จ หรือภาระที่คอยฉุดรั้ง?
แผนผังองค์กรคือพิมพ์เขียวของบริษัทที่แสดงให้เห็นโครงสร้างและความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการขององคาพยพทุกส่วนภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญที่ธุรกิจต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ช่องว่างระหว่างแผนผังองค์กรที่ร่างไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อการทำงานที่ลื่นไหล กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในวิธีการทำงานและปฏิสัมพันธ์ของพนักงาน ช่องว่างนี้มักเผยให้เห็นความไร้ประสิทธิภาพ ความไม่สอดคล้องต้องกัน และทำให้พลาดโอกาสในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นในกระบวนการทำงานร่วมกัน
หลายบริษัทถือเอาแผนผังองค์กรเป็นเสมือนเอกสารที่จะได้รับการปรับแก้ไขเฉพาะเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในกระบวนการดำเนินงาน ความล่าช้าของการปรับเปลี่ยนข้อมูลทำให้ขาดการเชื่อมโยงระหว่างกัน ในขณะที่การวางแผนผังการทำงานนั้นเป็นไปเพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดหรือการเติบโตภายในองค์กรให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อไม่มีการปรับปรุงข้อมูลอย่างทันท่วงทีย่อมทำให้เกิดความไม่สอดคล้องและอาจทำให้พนักงานมีความสับสน การตัดสินใจไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้การดำเนินงานมีความล่าช้าเนื่องจากโครงสร้างอย่างเป็นทางการในกระบวนการทำงานไม่ได้สะท้อนความต้องการของบริษัทอีกต่อไป
การทดสอบอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินประสิทธิภาพของบริษัทให้ดูที่ความซับซ้อนของแผนผังองค์กร หากโครงสร้างมีความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ทุกคนเข้าใจได้ง่าย มีความเป็นไปได้มากว่าบริษัทมีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกหน่วยงานมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจน แต่ในทางตรงข้าม แผนผังองค์กรที่มีความซับซ้อน เต็มไปด้วยเส้นคู่ เส้นประ แสดงให้เห็นบทบาทหน้าที่ที่ทับซ้อนกัน มีชั้นการรายงานหลายขั้น ย่อมบ่งชี้ถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ในกรณีนี้ โครงสร้างอย่างเป็นทางการมักจะขัดแย้งกับวิธีการดำเนินงานจริง บ่อยครั้งที่พนักงานอาจจะหันไปใช้วิธีการทำงานแบบอื่น มีการใช้เครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ หรือแม้แต่สายการรายงานที่ซ้ำซ้อนไม่เป็นไปตามผังองค์กรด้วยเหตุผลเพียงเพื่อเร่งการทำงานให้แล้วเสร็จ ทำให้การขับเคลื่อนองค์กรมีความซับซ้อนยิ่งขึ้นและทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องหัวหมุน มีความหงุดหงิดในการทำงาน
โดยพื้นฐานแล้ว แผนผังองค์กรควรเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการทำงาน การตัดสินใจ เพิ่มศักยภาพให้กระบวนการทำงานดีขึ้น และสนับสนุนการทำงานของพนักงานทุกส่วน น่าเสียดายที่หลายบริษัทมักติดกับดักในการออกแบบโครงสร้างองค์กรโดยมุ่งให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและการควบคุมมากกว่าการส่งเสริมพนักงานในการปฏิบัติงาน ถึงแม้ว่าการกำกับดูแลจะมีความจำเป็น แต่การเน้นย้ำในส่วนที่เป็นการควบคุมมากเกินไปอาจกลายเป็นปัจจัยขัดขวางการก่อเกิดนวัตกรรม ชะลอการดำเนินงานและกีดกั้นการเข้าไปมีส่วนร่วมของพนักงาน ในการรับมือกับความท้าทายนี้ บริษัทจำเป็นต้องตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลต่างๆ ในแผนผังองค์กรและโครงสร้างการดำเนินงานเป็นประจำเพื่อสะท้อนสถานะความเป็นจริงของกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อนของการจัดวางโครงสร้างเพื่อให้เกิดความชัดเจน ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกและเพิ่มอำนาจให้พนักงานด้วยการปรับกระบวนการทำงานให้มีความคล่องตัว ลดลำดับการควบคุมงานตามกฎระเบียบขององค์กรให้เหลือน้อยที่สุด การจัดโครงสร้างอย่างเป็นทางการที่สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติงานจริง เน้นการเพิ่มอำนาจการตัดสินใจให้พนักงาน จะสามารถสร้างองค์กรที่มีพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในท้ายที่สุด แผนผังองค์กรที่ออกแบบมาอย่างดีจะไม่ได้เป็นแค่แผนที่ซึ่งแสดงบทบาทความรับผิดชอบในสายงานเท่านั้น แต่จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการทำงานได้เต็มศักยภาพนำความสำเร็จมาสู่องค์กรได้ตามเป้าหมาย
การบ่มเพาะภาวะผู้นำ เสาหลักแห่งการเติบโต หรือต้นเหตุความขัดข้องใจ
ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณภาพของทีมผู้นำองค์กรมีความสำคัญมากต่อการเติบโตของธุรกิจ การบ่มเพาะภาวะผู้นำให้เกิดขึ้นและพัฒนาไปอย่างแข็งแกร่งจะเป็นการรับประกันความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว
บริษัทต่างๆ มีการวางแผนอย่างละเอียดและออกแบบเครื่องมือสำหรับการพัฒนาภาวะผู้นำ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนผู้นำ องค์กรหลายแห่งกลับประสบปัญหาในการเฟ้นหาผู้นำที่เหมาะสม เช่นนี้แล้วย่อมเป็นการเน้นย้ำถึงความท้าทายสำคัญในการเตรียมผู้นำใหม่ให้พร้อมสำหรับภาระหน้าที่อย่างแท้จริง
ผู้บริหารระดับสูงมีความสำคัญยิ่งเนื่องจากภายในองค์กรทั้งหมดรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกต่างมองบุคลิกลักษณะของผู้นำเหล่านี้เป็นบุคลิกลักษณะเดียวกันขององค์กร ดังนั้น หากในความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ยังมีช่องว่างที่ไม่ได้รับการเติมเต็ม ขวัญกำลังใจของพนักงานรวมไปถึงความเชื่อมั่นในอนาคตองค์กรอาจสั่นคลอนได้ โปรแกรมการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการสำหรับผู้บริหารนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าแต่อาจไม่เพียงพอโดยตัวของมันเอง การบ่มเพาะภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องอาศัยแนวทางการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมค่อนข้างมาก อาทิ การติดตามเพื่อสังเกตการทำงานในชีวิตประจำวันและสำคัญที่สุดคือการโค้ชและการให้คำปรึกษาจากมืออาชีพ
ภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่แค่เรื่องการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการสร้างแรงบันดาลใจและชี้นำแนวทางให้ทีมเดินหน้าสู่เป้าหมายร่วมกันในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่ชัดเจนและมักเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้นำควรเป็นผู้กำหนดวัฒนธรรมองค์กรและขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ การตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงจะเป็นตัวกำหนดทิศทางและวิธีการในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถของผู้นำในการปรับตัว สร้างสรรค์นวัตกรรม สร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานสามารถผลักดันให้บริษัทก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
การลงทุนในโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำนั้นมีความสำคัญเพราะมุ่งเน้นการฝึกฝนทักษะที่จำเป็น เช่น การคิดเชิงกลยุทธ์ ความฉลาดทางอารมณ์ และการสื่อสาร การให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญช่วยให้ผู้นำรุ่นใหม่ได้รับข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จากผู้นำที่มีประสบการณ์จะช่วยส่งเสริมให้เกิดกลุ่มผู้นำที่มีความสามารถพร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่มีศักยภาพต่อไป
โดยสรุป การเติบโตของธุรกิจนั้นเชื่อมโยงกับความแข็งแกร่งและคุณภาพของทีมผู้นำ การให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะภาวะผู้นำจะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างรากฐานสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน ขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
การขับเคลื่อนธุรกิจโดยปราศจากสิ่งที่กล่าวมาไม่ต่าง อะไรกับการขับรถโดยไม่มียางอะไหล่ หากเกิดเหตุยางแบนในระหว่างเดินทาง คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ยางอะไหล่หรือไม่ก็ต้องมองหาความช่วยเหลือเพื่อปะ หรือเติมลมยางให้คุณสามารถเดินหน้าต่อไปจนถึงจุดหมายได้ตามกำหนด
การนำทาง การสร้างความสมดุลระหว่างระบบงานประจำวันกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ธุรกิจเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว การคงสภาวะการทำงานในแต่ละวันให้ราบรื่นขณะเดียวกันยังต้องรับมือกับปัญหาที่ไม่คาดคิดถือเป็นความท้าทายสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว เราทุกคนพยายามวางแผนงานในแต่ละวันอย่างพิถีพิถันและลงมือทำงานตามกิจวัตรอย่างเป็นระบบ แต่ทว่า “ชีวิตการทำงาน” มักทำให้เกิดความประหลาดใจอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างฉับพลัน ปัญหาทางเทคนิคที่ไม่คาดคิด ปัญหาด้านอุปทานสินค้า หรือมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบที่ต้องได้รับการดูแลแก้ไขอย่างเร่งด่วน การหยุดชะงักเหล่านี้อาจลดความสำคัญของงานอื่นๆ ลงไป แต่งานอื่นๆ ที่ว่านั้นจำเป็นต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จด้วยใช่หรือไม่ แต่จะทำได้อย่างไร
ความท้าทายสำคัญคือการจัดการกระบวนการดำเนินงานตามปกติทั่วไปในแต่ละวันควบคู่ไปกับการจัดการเหตุการณ์ไม่คาดคิดดังที่กล่าวมา การมีแผนงานที่ดีเป็นเรื่องสำคัญแต่ควรเป็นแผนที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ แผนงานที่ออกแบบมาอย่างดีและรัดกุมจะเป็นแผนสำหรับงานประจำวันและเป้าหมายระยะยาวเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนทราบบทบาทหน้าที่ของตนเอง อย่างไรก็ตาม แผนงานไม่ควรเข้มงวดจนไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้ตอบรับการเปลี่ยนแปลงได้
การมีผู้เชี่ยวชาญและความช่วยเหลือจากภายนอกที่สามารถเข้ามาช่วยในช่วงเวลาสำคัญนั้นมีค่าอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญภายในและภายนอกที่เชื่อถือได้จะช่วยให้องค์กรของคุณตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดโดยไม่ทำให้การดำเนินงานโดยรวมต้องหยุดชะงัก
ในทางปฏิบัติ การเตรียมพร้อมเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ตอบสนองต่อสถานการณ์และสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี การคาดการณ์ถึงสิ่งที่ไม่คาดคิดเป็นเรื่องสำคัญ การหยุดชะงักของกระบวนการทำงานที่อาจเกิดขึ้นสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการดำเนินงานตามแผนฉุกเฉิน แต่หากคุณมีแผนงานเก่าเก็บที่ไม่เคยนำมาใช้ ครั้นถึงเวลาวิกฤตคุณอาจใช้สัญชาตญาณของตัวเองแทนการใช้แผนฉุกเฉินได้ แน่นอนว่าสัญชาตญาณนั้นอาจถูกจัดเป็นทรัพย์สินที่มีค่า แต่คงจะดีกว่าหากจะมีการลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมและทำการฝึกซ้อมอยู่เสมอเพื่อจะช่วยเพิ่มทักษะการแก้ปัญหาและบริหารจัดการวิกฤต
การคงไว้ซึ่งช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้สมาชิกในทีมทุกคนรับทราบถึงปัญหาหรือเหตุไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นวิกฤต บ่อยครั้งมีกรณีที่พนักงานละเลยปัญหาเพียงเพราะมี “งาน” ของตัวเองที่ต้องจัดการก่อนให้ทันตามกำหนดเวลา หรือบางครั้งก็พยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองโดยไม่พยายามหารือใดๆ ดังนั้น การสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันไม่ให้ปัญหาเล็กน้อยขยายตัวไปเป็นวิกฤต ทั้งยังช่วยให้ทีมงานมีสมาธิในการทำงานแม้ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย
โดยสรุป ความสามารถในการดำเนินงานในแต่ละวันพร้อมกับความสามารถจัดการกับความท้าทายที่ไม่คาดคิดเป็นบทพิสูจน์ความคล่องตัวและความยืดหยุ่นของธุรกิจ การผสมผสานการวางแผนที่ดีกับเครือข่ายสนับสนุนของผู้เชี่ยวชาญ และวัฒนธรรมองค์กรที่มีความสามารถในการปรับตัว ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปแม้ว่าจะเผชิญภาวะชะงักงันที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
การมีส่วนร่วม การทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมทุกสถานการณ์
ปัจจัยสำคัญที่นำพาให้ธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life science) ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นั่นคือ ความเป็นเลิศในการสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน แต่ทว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายในการรักษาการมีส่วนร่วมให้มีประสิทธิผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมในสามประเด็น ได้แก่
การมีส่วนร่วมจากภายนอก:
- ความซับซ้อนของการมีส่วนร่วมจากภายนอกอยู่ที่การเฟ้นหา ระบุ และการติดต่อกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ถูกต้องเหมาะสม รวมไปถึงหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ ผู้จ่ายเงินในระบบสุขภาพ กลุ่มสนับสนุนผู้ป่วย และผู้กำหนดนโยบายภาครัฐ มีความจำเป็นที่จะต้องทำแผนผังกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างละเอียด แม้การเชื่อมโยงแต่ละส่วนจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพราะกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและหน้าที่ความรับผิดชอบหลักมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แต่ละกลุ่มมีประเด็นเฉพาะของตนเอง ประเด็นสำคัญสำหรับกลุ่มหนึ่งอาจไม่ได้อยู่ในความสนใจของอีกกลุ่ม เช่น การนำเสนอข้อมูลอาจดึงความสนใจได้ดีและสร้างการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานกำกับดูแล ในขณะที่กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เป็นกลุ่มผู้ป่วยอาจต้องใช้วิธีการบรรยายเรื่องราวเพื่อให้เชื่อมโยงและเข้าถึงกลุ่มนี้ได้ดีกว่า แม้แต่ในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประเภทเดียวกัน ก็มีความแตกต่างกัน แนวทางการทำงานแบบเดียวอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภายนอกที่มีความหลากหลายนั้นต้องอาศัยการปรับวิธีการดำเนินงานให้เข้ากันอย่างต่อเนื่องและมีความเข้าใจในวิถีวัฒนธรรมของกลุ่มเหล่านั้นอย่างถ่องแท้
การมีส่วนร่วมของพนักงาน:
- การรักษาแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความกดดันสูงถือเป็นความท้าทายมาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ความตึงเครียดจากการแข่งขันมักจะสร้างบรรยากาศกดดันในการทำงาน แม้ว่ามาตรการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนจะเป็นเรื่องจำเป็นแต่ก็อาจกระทบต่อขวัญกำลังใจคนทำงานได้ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน บริษัทจะต้องให้ความสำคัญต่อการสื่อสารภายในองค์กรที่มีความชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเรื่องโอกาสในการเติบโตในสายงานอาชีพ และการตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของพนักงาน ความโปร่งใสในการตัดสินใจของผู้นำองค์กรและการสร้างพื้นที่สำหรับการสนทนาระหว่างพนักงานสามารถทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมีมุมมองที่สอดคล้องกับเป้าหมายบริษัท ผู้นำควรนำทีมด้วยการแสดงตนเป็นตัวอย่าง เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เกื้อหนุนให้เกิดความร่วมมือและการเคารพในตัวตนของทุกคนในทีมแม้ในสภาวะที่ทีมกำลังเผชิญความยากลำบาก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำต้องกำหนดลูกทีมที่จะช่วยผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากฐานรากและเตรียมพวกเขาให้พร้อมกับภารกิจนี้
การมีส่วนร่วมของทีมผู้นำ:
- การมีส่วนร่วมที่มักถูกมองข้ามแต่สำคัญมาก นั่นคือ ผู้นำระดับสูงขององค์กร โดยทั่วไปผู้นำในระดับองค์กรต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งการเผชิญหน้ากับความท้าทายจากภายนอกและความกดดันในการจัดวางแนวทางการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของบริษัทให้สอดคล้องกับความคาดหวังของพนักงาน ผู้นำมักพบว่าตนเองต้องพยายามหาความสมดุลระหว่างการบรรลุเป้าหมายขององค์กร และการตอบสนองต่อความกังวลและความต้องการของพนักงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดและมีการเปลี่ยนแปลง บริษัทควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการมีส่วนร่วมของผู้นำระดับสูงภายในองค์กร เนื่องจากบางครั้งผู้นำจะถูกละเลย ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในบางประเด็นเนื่องจากความอาวุโสของลำดับขั้นการทำงาน การมีส่วนร่วมของผู้นำมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร ผู้นำจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและมีช่องทางที่ชัดเจนสำหรับการทำงานร่วมกัน มีการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ และมีการเข้าถึงเครือข่ายเพื่อนร่วมงานได้ อย่างไรก็ตาม หากองค์กรใดขาดการมีส่วนร่วมของผู้นำที่เหมาะสมแล้ว องค์กรนั้นจะไม่สามารถจัดการการมีส่วนร่วมจากภายนอกหรือจากภายในองค์กรเองได้
การจัดการความร่วมมือกับพันธมิตร
เครื่องมือทรงพลังที่มีดุลยภาพเปราะบาง
การจัดการความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจที่ดำเนินงานในพื้นที่ซึ่งมีความหลากหลายโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ การมีพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์จะช่วยเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ และช่วยให้ตลาดขยายตัว พร้อมกันนั้นยังนำมาซึ่งความท้าทายเฉพาะอย่างที่ต้องได้รับการจัดการเชิงรุกและดำเนินการอย่างรอบคอบ
รากฐานของการสร้างความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับการก่อตั้งแรกเริ่มอย่างถูกต้อง มีการกำหนดกฎเกณฑ์อย่างชัดเจนในการเข้ามามีส่วนร่วมของแต่ละฝ่าย และมีการกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลเป็นสำคัญ องค์ประกอบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ทุกฝ่ายแน่ใจว่ามีแนวทางที่สอดคล้องต้องกัน แต่ยังทำให้เกิดกรอบการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเริ่มต้นขึ้น เส้นทางการดำเนินงานจะเริ่มมีความซับซ้อน มีปัจจัยหลายประการที่สามารถทำลายความสมดุลของการเป็นพันธมิตรระหว่างกันได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการในกลุ่มพันธมิตร การเปลี่ยนแปลงสภาพตลาด หรือกลยุทธ์ระดับโลกที่พัฒนาไปอีกขั้นอาจส่งผลกระทบต่อสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ ซึ่ง บางครั้งอาจไม่เป็นผลดีต่อพันธมิตรรายใดรายหนึ่งก็เป็นได้ มีกรณีร้ายแรงอันอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกหรือภายใน เช่น บริษัทหลักตัดสินใจออกจากตลาด กรณีนี้อาจคุกคามการดำรงอยู่ของกลุ่มพันธมิตรได้ กล่าวได้ว่า แหล่งที่มาของความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นมีมากพอๆ กับผลประโยชน์ที่ได้รับจากความร่วมมือระหว่างกันเลยทีเดียว
ในการสร้างความร่วมมือระหว่างพันธมิตรให้มีความยั่งยืนต้องยึดถือแนวทางที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน (win-win) พันธมิตรจะต้องแบ่งปันผลประโยชน์และร่วมรับความเสี่ยงตามสัดส่วนความร่วมมือ ความโปร่งใส ความไว้วางใจ และความมุ่งมั่นที่จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้พันธมิตรทุกฝ่ายมีความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายใดๆ ก็ตาม ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากหลักการเหล่านี้สามารถเอาชนะความยากลำบากและทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่เส้นทางเดิมได้
สำหรับบริษัทชั้นนำที่ต้องการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ในต่างประเทศ การสร้างและบริหารจัดการความร่วมมือระหว่างพันธมิตรให้มีประสิทธิภาพไม่ได้เป็นเพียงภารกิจหนึ่งในการดำเนินงานเท่านั้น แต่เป็นสิ่งจำเป็นในเชิงกลยุทธ์ด้วย เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืน